วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

"""หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม """


พระครูวินัยวัชรกิจ (หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม) วัดตาลกง ต.มาบปลาเค้า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ชีวประวัติ กิตติคุณ บารมีธรรม เพชรบุรี เมืองเก่าประวัติศาสตร์ ที่มีเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรมโบราณสถานโบราณวัตถุ วัดวาอารามเจริญรุ่งเรือง สืบทอดอารยธรรมกันมาหลายยุคสมัย จนได้รับสมญาว่า"อยุธยาที่ยังมีชีวิต" นอกจากความเจริญทางศิลปวัฒนธรรมแล้ว เพชรบุรียังเป็นเมืองคนเก่ง คนจริง คนดี เมืองธรรมะพระเกจิอาจารย์ดังที่สืบทอดพุทธาคมจากครูบาอาจารย์อย่างไม่ขาดสาย ในยุคปัจจุบัน พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเลื่องสือกิตติคุณ เป็นที่เลื่อมใสนับถือของพุทธศาสนิกชนอีกรูปหนึ่ง คือหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ซึ่งอยู่ในความนิยมศรัทธาระดับแนวหน้าของเมืองไทย หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม หรือพระครูวินัยวัชรกิจ เจ้าอาวาสวัดตาลกง ต.มาบปลาเค้า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ปัจจุบันเจริญอายุ ๙๑ ปี ๗๑ พรรษา (๒๕๕๐) เป็นพระนักพัฒนา พระนักปฏิบัติ เคร่งครัดพระธรรมวินัย มีบุคลิกลักษณะผิวพรรณผ่องใส อัธยาศัยเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา ใครไปหากราบไหว้ ท่านต้อนรับทุกคนไม่เลือกชั้นวรรณะด้วยไมตรีจิต สมเป็นสมณพุทธบุตรธรรมทายาท เนื้อนาบุญอย่างแท้จริง

หลวงพ่ออุ้น นามเดิม อุ้น อินพรหม ถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ โยมพ่อบุญ อินพรหม โยมแม่เล็ก อินพรหม ณ บ้านหนองหินถ่วง ต.มาบปลาเค้า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน ๘ คน คือ ๑. หลวงพ่ออุ้น ๒. นายอิ่น ๓. นายเอื่อน ๔. นายพวง ๕. นายแดง ๖. นางพุด ๗. นางเพี้ยน ๘. นางพ้วน
เริ่มการศึกษาเบื้องต้น หนังสือไทย ขอม ที่วัดไสค้าน จนกระทั้งจบการศึกษาภาคบังคับ แล้วมาช่วยเหลือบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรม สู่ร่มเงากาสาวพัสตร์ เมื่ออายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดตาลกง ตรงกับวันที่ ๒๑ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ โดยมีพระอธิการชัน วัดมาบปลาเค้า เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการผิว วัดตาลกง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการขาว วัดอินจำปา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมณฉายาว่า “สุขกาโม”

ครั้นอุปสมบทแล้วได้อยู่จำพรรษาที่วัดตาลกง ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อผิว และศึกษาข้อวัตรปฏิบัติเรื่อยมา การศึกษาพุทธาคม การศึกษาพุทธาคมของหลวงพ่ออุ้น เริ่มจากการอยู่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อผิว วัดตาลกง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญไสยศาสตร์เวทมนต์คาถาอาคม รุ่นราวคราวเดียว (สหธรรมิก) กับหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง ทั้งยังเก่งทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน เมตตา อยู่ยงคงกระพัน ซึ่งใกล้ชิดกับ หลวงปู่นาค วัดหัวหิน ทั้งเคยเดินทางไปขอศึกษาวิชาความรู้จากหลวงปู่นาคอยู่เป็นประจำ หลวงพ่อผิว ธมมสิริ เป็นพระเกจิทรงคุณวิเศษของเมืองเพชรบุรี ในยุคนั้น แต่อุปนิสัยของท่านชอบอยู่อย่างสันโดษ เก็บตัวเงียบ ไม่ยอมเปิดเผยว่ามีดีนาน ๆ จะลง นะ ที่กระหม่อมให้ผู้ไปหาท่านสักครั้ง ชาวบ้านวัยชราอายุ ๘๐ กว่า เล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อผิวลงนะ หัวให้ตัวเดียว มีคุณสารพัด อยู่ยงคงกระพันจนวันตาย คนเก่า ๆ แถบท่ายางต่างประจักษ์ในความคงกระพันชาตรีมาแล้วหลายราย ก่อนนี้มีหนุ่มวัยรุ่นจากประจวบคีรีขันธ์มาติดพันสาวมาบปลาเค้า เข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อผิว ขอให้ท่านลงนะที่กระหม่อมให้ ครั้นต่อมาไม่นานเขากลับมามาบปลาเค้าอีกครั้ง ถูกนักเลงท้องถิ่นแทงด้วยมีด ตีหัวด้วยท่อนไม้แต่ไม่ยักเป็นไร เลยฮึดสู่หนึ่งต่อสาม เล่นเอานักเลงเจ้าถิ่นต้องเปิดหนีกันจ้าละหวั่นไปเลย หลวงพ่ออุ้น เป็นที่โปรดปรานของหลวงพ่อผิวมาก ๆ ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาให้จนหมดสิ้น

พรรษาต่อมา หลวงพ่ออุ้นเดินทางไปกราบมนัสการ หลวงพ่อทองศุข วัดโหนดหลวง ถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนฝึกปฏิบัติกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน พุทธาคมโดยเรียนฝึกวิชากสิณจนชำนาญในกสิณ ๑๐ รวมทั้งตำรับตำราการทำผงเมตตาชั้นสูงด้วย หลวงพ่อทองศุข เห็นความมานะพยายามของหลวงพ่ออุ้น ประจวบกับหลวงพ่อผิว ก็มีความคุ้นเคยกับหลวงพ่อทองศุข มาก่อนแล้ว ท่านจึงรับไว้เป็นศิษย์ถ่ายทอดสรรพวิชาให้อย่างเต็มกำลัง อันที่จริงศิษย์ของหลวงพ่อทองศุข มีหลายรูปล้วนแต่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น เช่น หลวงปู่คำ วัดหนองแก่ หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก หลวงปู่นิ่ม วัดเขาน้อย หลวงพ่อพิมพ์มาลัย วัดหุบมะกล่ำ หลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว หลวงพ่อแผ่ว วัดโตนดหลวง หลวงพ่อแล วัดพระทรง เป็นต้น ก่อนที่จะศึกษาเล่าเรียนวิชา หลวงพ่อทองศุข ได้ฤกษ์ยามก่อนแล้วนักกำหนดวันให้หลวงพ่ออุ้นเดินทางไปทำพิธีขึ้นครู หรือการยกครูมีขันธ์ ๕ ดอกไม้ ธูปเทียน บายศรี ทำพิธีขึ้นครู กล่าวได้ว่า หลวงพ่ออุ้น เป็นศิษย์ผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อทองศุข โดยตรงอีกรูปหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงการกล่าวอ้างครูบาอาจารย์อย่างเลื่อนลอย การเรียนวิชาอาคมของหลวงพ่ออุ้น ต้องเดินทางจากวัดตาลกง ไปเรียนที่วัดโตนดหลวง ครั้งหนึ่งพักอยู่ถึง ๑๕ วัน ไปกลับอย่างนี้เป็นประจำ ทั้งยังออกปริวาสกรรมร่วมกับหลวงพ่อทองศุข ขึ้นเขาไปบำเพ็ญเพียรในป่าช้าก็บ่อยครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งได้พบกับ หลวงพ่อจัน วัดมฤคทายวัน ซึ่งเป็นญาติกับหลวงพ่อทองศุข หลวงพ่อจันเก่งวิชาสะกดชาตรี คือวิชาสะกดให้สัตว์ร้ายอยู่กับที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เรียนมาจากพระภิกษุธุดงค์ชาวเขมร หลวงพ่อจัน ได้ถ่ายทอดวิชาสะกดชาตรีให้หลวงพ่ออุ้นเช่นกัน สำหรับวิชาที่โดดเด่นมากของหลวงพ่อทองศุข ยากที่ศิษย์ผู้ใดจะได้รับการถ่ายทอด คือ วิชาทำผลพระจันทร์ครึ่งซีก,วิชาทำผงพระจันทร์ครึ่งซีกเป็นอย่างไร,ผงพระจันทร์ครึ่งซีก เป็นผงเมตตามหานิยม มีพุทธคุณอมตะล้ำลึกแต่ท่านยังไม่เคยนำเอาวิชามาทำผงเลย เพราะสัจจะกฎสำคัญมาก นอกจากนั้นยังได้รับการถ่ายทอดการทำผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช และผงหน้าพระภักษ์ อันเป็นตำรับสุดยอดของพระผงวัดนก จังหวัดอ่างทอง สำหรับตำราผงพระภักษ์ รู้ว่าปัจจุบันได้สูญหายไปจากวงการไสยศาสตร์นานแล้ว หากมีอยู่หรือเป็นมรดกแก่ผู้ใดบ้างก็คงน้อยเต็มทีที่จะรู้ได้อีกวิชาหนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อทองศุข คือ การสักยันต์คงกระพันชาตรี หลวงพ่ออุ้น เคยสักยันต์ให้ลูกศิษย์ไปหลายคน ล้วนแล้วแต่อยู่ยงคงกระพันชาตรี ภายหลังลูกศิษย์ของท่าน (บางคน) มีนิสัยเกเรสร้างความเดือดร้อนใจให้ผู้อื่น ท่านมาพิจารณาดูแล้วเห็นเป็นการส่งเสริมให้คนประกอบมิจฉาชีพผิดคดีโลก คดีธรรม ตั้งแต่นั้นท่านเลิกสักยันต์โดยเด็ดขาด ส่วนใครที่อยากได้รับประสิทธิ์ประสาทอักขระเลขยันต์จากท่าน ก็เมตตาทำให้เพียงเป่ากระหม่อมหรือเจิมหน้าผากด้วยผงพุทธคุณเพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับวิชา นะ ปัดตลอด นั้น หลวงพ่ออุ้น ได้รับการถ่ายทอดเช่นเดียวกัน วิชานี้จะสังเกตได้ถึงวัตถุมงคลของสำนักวัดโตนดหลวง มียันต์นะปัดตลอด และ นะ ปถมังปรากฏอย่างชัดเจน รวมทั้งวัตถุมงคลศิษย์สายหลวงพ่อทองศุขทุกรูป

หลังจากนั้น หลวงพ่ออุ้นได้ไปกราบนมัสการพระอธิการชัน วัดมาบปลาเค้า เพื่อขอศึกษาวิชาไสยศาสตร์ ด้านอยู่ยงคงกระพัน เสกลิงลม ขับคุณไสย วิชาทำตะกรุด ครูบาอาจารย์ของท่าน มิใช่จะมีแต่บรรพชิตเท่านั้น แม้คฤหัสถ์ผู้เชี่ยวชาญวิชาอาคม ท่านก็ยังขอเล่าเรียนเช่นกัน อย่างเช่น อาจารย์โม หมอสักชาวเพชรบุรี มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในยุคนั้น หลวงพ่ออุ้น ได้ไปขอเรียนวิชาจากอาจารย์โม แม้หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม (มรณภาพแล้ว) ก็เคยไปเรียนวิชาการสักยันต์มาเหมือนกัน จากนั้นหลวงอุ้นไปเรียนวิชาทำสีผึ้งเมตตามหานิยม วิชาลงเลขยันต์ ลงสมุนไพร ตำราสมุนไพรจากหมอฉ่ำ หมอไสยศาสตร์ ชาวท่ายาง อันที่จริงโยมพ่อบุญ อินพรหม บิดาของหลวงพ่ออุ้นก็เชี่ยวชาญเป็นหมอไสยศาสตร์ มีความรู้เรื่องยาโบราณ ทั้งตำรายาโบราณที่ตกทอดมาแต่ยุคก่อนจำนวนมาก โดยเฉพาะตำราทำผงยาเพชรบุรี ซึ่งหลวงพ่ออุ้นได้รับสืบทอดมาด้วยเช่นกัน ว่ากันว่า ผงยาเพชรมณีหรือเพชรจินดา เป็นตำรายาหัวใจ ยาลม ยาอายุวัฒนะที่ดีมาก มีคุณสมบัติพิเศษไม่แตกต่างกับผงยาจินดามณี ของหลวงปู่บุญมากนักหรืออาจเป็นตำราสูตรเดียวกันมาแต่โบราณก็เป็นได้ ปฏิปทาศีลวัตร หลวงพ่ออุ้น เป็นพระที่มีอัธยาศัยไมตรีเปี่ยมด้วยเมตตาถือสัจบารมีเป็นที่ตั้ง ปฏิปทาศีลวัตรงดงามบริสุทธิ์ เสมือนทองทั้งแท่ง ท่านใฝ่ใจในเรื่องที่เป็นวัฎสงสาร การเกิดแก่เจ็บตาย บุญกรรมและสิ่งลี้ลับ ธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องเวทมนต์คาถาอาคมอักขระเลขยันต์เป็นพิเศษ ซึ่งมีอุปนิสัยใจคอชอบมาตั้งแต่วัยเด็ก จึงเป็นแรงจูงใจให้ใฝ่รู้ศึกษาเล่าเรียน เรียนรู้แล้วปฏิบัติให้เข้าถึงรุ้แจ้งเป็นจง ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่ออุ้น ต่างรู้กันดีว่าท่านไม่ใช่พระธรรมดา หรือเป็นพระธรรมดาที่ยิ่งกว่าธรรมดา มีญาณสมาบัติสูง มีสมาธิจิตแก่กล้า หยั่งรู้อนาคต แม้กรวดหินแร่ธาตุต่าง ๆ ท่านหยิบผ่านมือแล้วมอบให้แก่ใครก็มีอานุภาพพุทธคุณอย่างน่าอัศจรรย์ พระนักพัฒนา เมื่อพูดถึงงานด้านการพัฒนา หลวงพ่ออุ้นได้อยู่ช่วยเหลือ หลวงพ่อผิด (ผู้เป็นหลวงลุง) สร้างวัดตาลกงมาตั้งแต่แรก ๆ จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ก่อนนี้ท่านได้เดินทางเข้าป่าละอูไปช่วยหลวงพ่อผิวตัดไม้ไปกลางเดือนอ้ายกลับถึงวัดกลางเดือนห้า ใช้เวลาไปกลับครั้งละ ๔ เดือน เป็นอย่างนี้ประจำถึง ๕ ปี ไปกับหมู่สงฆ์ไปปลูกโรงอาศัยในป่าไม้ที่ตัด ใช้เกวียณลากมาแสนจะลำบากหลวงพ่ออุ้น ออกธุดงควัตรไปทั่วทุกภูมิภาคที่ ๆ อยู่ในความทรงจำของท่านมากที่สุดก็คือ ป่าตะนาวศรี ป่าละอู และป่าปราณบุรี เดินธุดงค์จนไปพบกับผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ได้ถวายที่ดินให้ท่านสร้างวัดและโรงเรียนจำนวนเนื้อที่ถึง ๑,๐๐๐ กว่าไร่ หลวงพ่อถามโยมผู้ถวายที่ดินว่า เมื่อโยมถวายที่ให้อาตมาแล้ว จะให้มีอะไรบนที่ดินผืนนี้บ้าง โยมผู้นั้นบอกว่าต้องการมีวัด โรงเรียน และสถานีอนามัย เมื่อรับปากว่าจะดำเนินการให้โยมนั้นตามความประสงค์ ต่อมาหลวงพ่ออุ้นก็เริ่มพัฒนาดำเนินการจัดสร้างสำนักงสงฆ์ท่าไม้ลายขึ้น ตั้งอยู่หมู่ที่ ๖ ต.เขาเจ้า อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจัดส่งพระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อไปควบคุมดูแลปฏิสังขรณ์สำนักสงฆ์ ได้รับผ้าป่ากฐินพอเลี้ยงตัวเองได้ ต่อมาได้สร้างโรงเรียนขึ้นเมื่อ ๗ ปีที่แล้ว จนบัดนี้ก็มีเด็กนักเรียนประมาณ ๒๐๐ คน พร้อมกับสถานีอนามัยอยู่บนพื้อนที่แห่งนี้สมเจตนารมณ์ของผู้ถวายทุกประการแล้ว หลวงพ่ออุ้น นอกจากจะเป็นพระนักปฏิบัติแล้ว ก็เป็นพระนักพัฒนาผู้นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่สำนักสงฆ์ท่าไม้ลาย จากที่ว่างเปล่าให้กลายเป็นที่เจริญรุ่งเรืองด้วยการพัฒนาสถานที่พัฒนาบุคคล ไปพร้อม ๆ กัน แม้ทุกวันนี้หลวงพ่ออุ้นยังไปมาสำนักสงฆ์อย่างสม่ำเสมอ ได้นำเอาผ้าห่ม เครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกให้เด็กนักเรียนอยู่เป็นประจำ อุโบสถหลังเก่า ของวัดตาลกงมีอายุถึง ๑๖๐ กว่าปี มีสภาพชำรุดทรุดโทรม หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม จึงได้ดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น ภายในอุโบสถหลังเก่านี้ อดีตเจ้าอาวาสวัดตาลกงได้นิมนต์ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์มาทำผลอิทธิเจ บรรจุได้ ๑ โอ่ง ประมาณ พ.ศ. ๒๔๔๗ และหลวงพ่ออุ้นได้มาเก็บรักษาไว้ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ หลวงพ่ออุ้นจึงได้นำเอาผงพุทธคุณเก่ามาผสมกับผงที่ท่านได้ทำขึ้น แล้วบดผสมข้าวปากบาตรและข้าวก้นบาตร กดพิมพ์ทำเป็นพระผงสมเด็จคะแนนขึ้น โดยจุดประสงค์เพื่อเอาพระสมเด็จคะแนนที่สร้างขึ้นส่วนหนึ่งไปบรรจุในอุโบสถหลังใหม่ และส่วนหนึ่งแจกกับพุทธศาสนิกชนและศิษย์ให้เป็นสิริมงคลพระสมเด็จคะแนนนี้สร้างขึ้นจำนวนหลายหมื่นองค์โดยได้ดำเนินการสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ติดต่อกันถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๗ รวม ๓ ปี ในระหว่างนั้นหลวงพ่อผิว เป็นเจ้าอาวาสวัดตาลกงอยู่ ซึ่งอยู่ในวัยชราภาพแล้ว ได้ดำริควรจะสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นพร้อมทั้งงานด้านพัฒนาเสนาสนะสงฆ์ที่ชำรุดทรุดโทรม โดยมอบให้หลวงพ่ออุ้นเป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบ ในด้านพัฒนาก่อสร้าง ดูแล ติดตามสิ่งก่อสร้างซ่อมแซมสิ่งต่าง ๆ ภายในวัดโดยตลอด แล้วหลวงพ่ออุ้นได้ปรึกษากับท่านาถึงเรื่องการสร้างพระสมเด็จเหม็น เพื่อนำปัจจัยมาสร้างอุโบสถหลังใหม่ แล้วได้นำมารวมกันทำการอธิษฐานจิตปลุกเสกเป็นเวลา ๘ ปีเต็ม หลังจากนั้นก็ได้จัดส่วนต่าง ๆ ไว้ เช่น ไว้บนเพดานศาลา ใต้พระบูชาบนศาลา ส่วนใหญ่จะบรรจุอยู่ในอุโบสถหลังใหม่พระสมเด็จคะแนน หลวงพ่อได้เริ่มนำออกมาแจกให้พุทธศาสนิกชน ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นต้นมา จนกระทั่งถึงปี ๒๕๑๑ ท่านก็หยุดจะมีบ้างก็ให้ประปราย เช่นคนที่มาจากต่างจังหวัดและประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่านก็เก็บเงียบไม่แจกเลย และมาแจกอีกครั้งเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ระสมเด็จคะแนนตามที่ชาวบ้านตาลกงเรียกมาแต่แรกเป็นพระผงที่มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมและเสน่ห์สูงมาก กิตติคุณบารมีธรรมและผลงาน หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นพระเกจิอาจารย์อาวุโสรูปหนึ่งของเมืองไทยแม้จะเพิ่งเปิดเผยชีวประวัติเพียงไม่กี่ปีก็ตาม สำหรับสาธุชนในท้องถิ่นต่างรู้จักกิตติคุณของท่านมานานนับกว่า ๓๐ ปีแล้ว หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นแบบอย่างของพระภิกษุสงฆ์ที่เคร่งครัดธรรมวินัย มีศีลบริสุทธิ์ ประพฤติปฏิบัติธรรมตามแนวทางในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เป็นพระที่ไม่สะสม ไม่ปรุงแต่ง ไม่เคยยึดติดลุ่มหลวงในยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ยึดติดในลาภสักการะ ท่านมีแต่สงเคราะห์ช่วยเหลือใฝ่เมตตาบารมี ผลงานการสร้างเสนาสนะสงฆ์ ตลอดทั้งถาวรวัตถุต่าง ๆ ปรากฏเป็นรูปธรรมมากมาย เช่น อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ ฌาปนสถาน สำนักสงฆ์ โรงเรียน ถนนหนทาง กำแพงวัด ฯลฯ ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนสำเร็จด้วยบุญฤทธิ์ของหลวงพ่ออุ้นทั้งสิ้น เคยมีพระเถระผู้ใหญ่มาขอร้องให้ท่านรับตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ ตำแหน่งเจ้าคณะตำบล ท่านปฏิเสธทั้งหมด

เท่าที่ทราบพอลำดับประวัติตำแหน่งที่หน้าที่และสมณศักดิ์ได้ดังนี้
พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจารย์พ.ศ. ๒๕๐๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอธิการอุ้น สุขกาโม เจ้าอาวาสวัดตาลกงพ.ศ. ๒๕๐๘ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูฐานานุกรมที่พระครูสังฆรักษ์อุ้น สุขกาโมพ.ศ. ๒๕๒๒ ได้รับพระราชทานสมนศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่พระครูวินัยวัชรกิจพ.ศ. ๒๕๓๑ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทที่พระราชทินนามเดิมเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม คือการพูดตรงไปตรงมา เป็นวาจาเสมือนเนื้อของหัวใจ คือปากกับใจตรงกัน ไม่ปิดบังอำพราง ใครอยากรู้อะไรไปถามท่าน ท่านก็ตอบตรง ๆ ถ้ารู้ท่านก็จะบอกจะอธิยาย ถ้าไม่รู้ท่านก็จะบอกว่าไม่รู้ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ไม่มีความโลภ โกรธ หลง แต่ประการใด ไม่เคยเห็นหลวงพ่ออุ้น โกรธใคร ดุด่าว่ากล่าวหรือตำหนิติเตียนผู้ใด ท่านเป็นพระอริยสงฆ์สำรวมในศีลาจารวัตรและมีเมตตาธรรม สนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชน โดยจัดมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน ๙ โรงเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน เป็นประจำทุก ๆ ปี หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นพระสุปฎิปันโน ผู้บริสุทธิ์ด้วยไตรสิกขาเป็นพระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทระดับแนวหน้า ยุคปัจจุบันของเมืองไทยแม้จะเพิ่งเปิดตัวเพียงไม่กี่ปี เป็นที่รู้จักศรัทธาเลื่อมใสของญาติโยมสาธุชนอย่างกว้างขวาง ใครไปหาท่าน ท่านเมตตาต่อทุกคน จะกราบไหว้ก็กราบด้วยความสนิทใจ สมเป็นสมณพุทธบุตรธรรมทายาทอย่างแท้จริง เกียรติคุณของหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นที่ยอมรับกันอย่างแท้จริง ดังนั้นท่านได้รับการยกย่องจากสื่อมวลชนใน แวดวงพระเครื่องจัดลำดับพระเกจิอาจารย์ยอดนิยมเมืองไทยให้เป็นหนึ่งในสิบพระเกจิอาจารย์ในยุคปัจจุบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น